วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

เอซีมิลานทุ่มเงิน 170 ล้านยูโรดึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ร่วมทัพ


        สื่อตีข่าว แมนฯ ซิตี้ เตรียมเปิดศึกใหญ่กับ เอซี มิลาน ในการล่าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกเจ้าเสน่ห์ของ เรอัล มาดริด มาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ คาดทั้งสองฝ่ายพร้อมควักกระเป๋ากว่า 170 ล้านยูโร เพื่อล่อใจอดีตสตาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ย้ายมาร่วมทีม

        "สปอร์ต" สื่อกีฬาชื่อดัง ตีข่าว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมขับเคี่ยวกับ เอซี มิลาน ยอดทีมแห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา ในการทุ่มเงินกว่า 170 ล้านยูโร (ราว 7,310 ล้านบาท) เพื่อดึงตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมถล่มประตู "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด มาร่วมทีมหลังจบฤดูกาลนี้

        ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ เจ้าของทีม มิลาน ดีใจเนื้อเต้นที่รู้ข่าวว่า โรนัลโด้ กำลังจะมาสร้างบ้านพักตากอากาศที่ เลก โคโม่ และเขาก็ไม่ปกปิดว่าอยากได้ตัว อดีตสตาร์ของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาสวมชุด "ปีศาจแดง-ดำ"

        อย่างไรก็ตาม "เรือใบสีฟ้า" ก็อยากได้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส เช่นเดียวกัน และด้วยอำนาจเงินของพวกเขาสามารถเอาชนะ มิลาน และคู่แข่งที่สนใจนักเตะได้ไม่ยากนัก โดยเมื่อปีที่แล้ว มีรายงานว่า แมนฯ ซิตี้ ได้ยื่นข้อเสนอจำนวน 170 ล้านยูโร เพื่อดึง โรนัลโด้ กลับมาสู่เมืองแมนเชสเตอร์ อีกครั้ง แต่สุดท้ายเจ้าตัวปฏิเสธที่จะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว

        สำหรับฤดูกาลนี้แม้ เรอัล มีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ลา ลีกา แต่จากความสัมพันธ์ระหว่างแฟนบอลกับ โรนัลโด้ ไม่ราบรื่นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ซึ่งอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักเตะตัดสินใจย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ก็เป็นไปได้

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

เมสซี่ นักฟุตบอลคนแรกที่ขึ้นปก ไทม์


        สุดยอดต้อง ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะ บาร์เซโลน่า ผงาดกลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ขึ้นปก ไทม์ นิตยสารผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก เป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับได้รับการยกย่องให้เป็นแข้งหมายเลขหนึ่งตลอดกาลอีกต่างหาก
        ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา สังกัด บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ ลา ลีกา สเปน ยังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อไปทั้งในและนอกสนาม คราวนี้ถึงขั้นขึ้นปกนิตยสารดังระดับโลกอย่าง ไทม์ ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เลยทีเดียว หลังจากที่ผงาดครองรางวัลนักฟุตบอลแห่งปีมาหมาดๆ ถึง 3 สมัยซ้อน จากการเปิดเผยของเว็บไซต์ "เจ้าบุญทุ่ม" (fcbarcelona.com) เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา
         นับเป็นครั้งแรกที่นักฟุตบอลจะได้มาปรากฎโฉมบนปกของ ไทม์ เพียงคนเดียวโดดๆ หลังจากที่มีนักกีฬาเพียงไม่กี่คนที่เคยได้รับเกียรติดังกล่าว อาทิ ไทเกอร์ วู้ดส์ นักกอล์ฟอดีตมือ 1 ของโลก, ไมเคิ่ล จอร์แดน ตำนานนักบาสเกตบอล เอ็นบีเอ และ มูฮัมหมัด อาลี ตำนานแชมป์มวยโลกรุ่นยักษ์
         ไทม์ ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2012 ที่มี เมสซี่  ขึ้นปกจะวางจำหน่ายไปทั่วโลก (ยุโรป, เอเชีย และแปซิฟิกตอนใต้ ยกเว้นสหรัฐอเมริกา) ในวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.นี้ ซึ่งเจ้าตัวได้รับการยกย่องด้วยถ้อยคำบนหน้าปกว่า "คิง ลีโอ" (King Leo) เลยทีเดียว โดย ไทม์ บรรยายว่า "เมสซี่ คือนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" และอาจจะ "ดีที่สุดตลอดกาล" ก็เป็นได้
         เมสซี่ ยังได้เอ่ยถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกตัวเก่งทีมชาติโปรตุเกส สังกัด เรอัล มาดริด ทีมคู่ปรับสำคัญร่วมแดนกระทิงดุ ในบทสัมภาษณ์ของ ไทม์ อีกด้วยว่า "ผมคิดว่า เขาเป็นคนดี เขาเป็นนักเตะที่ดี ซึ่งนำพาหลายสิ่งหลายอย่างมาสู่ มาดริด และเป็นนักเตะที่ตัดสินเกมได้ทุกเมื่อ"
         ส่วน คำถามที่ว่า การเป็นคู่แข่งกับ โรนัลโด้ วัย 26 ปี ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่เก่งกาจมากขึ้นไปอีกหรือไม่นั้น แข้งทอง "บาร์ซ่า" วัย 24 ปี ระบุว่า "ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ ผมไม่เคยเอาตัวเองไปผูกติดกับเขาหรือเปรียบเทียบตัวเองกับนักเตะคนอื่นๆ ความคิดของผมมีแค่เพียงประสบความสำเร็จให้มากขึ้นในแต่ละปี เติบโตทั้งในฐานะนักฟุตบอลคนหนึ่ง และทีม ถ้าเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ด้วย ผมก็จะทำแบบเดียวกันนี้อยู่ดีนี่แหละ" 

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

เฟอร์กี้โต้ดึงสโคลส์เหมือนผีถอยหลังลงคลอง

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โต้เสียงวิจารณ์ดึง พอล สโคลส์ กลับมาเล่น เป็นการถอยหลังเข้าคลองของทีม ชี้นักเตะที่ทำอะไรให้ทีมมากมาย แถมมีประสบการณ์ ความนิ่ง และจ่ายบอลแม่นยำ ไม่เข้ามาทำให้ทีมห่วยลงแน่

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปกป้องการตัดสินใจเรียกตัว พอล สโคลส์ มิดฟิลด์จอมเก๋า กลับมาสวมสตั๊ดค้าแข้งอีกครั้ง ในวัย 37 ปี ที่โดนใครบางคนบอกว่า ไม่ต่างจากการถอยหลังเข้าคลอง ชี้เท่าที่ดูไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงเลย แม้เกมแรกที่กลับมาเล่นในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่บุกชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 จะเล่นผิดพลาดหลายจังหวะ และมีส่วนกับการเสียประตูด้วยก็ตาม 

         การ กลับมาของ สโคลซี่ สวนทางกับย้ายออกไปซบ เอฟเวอร์ตัน ของ ดาร์รอน กิ๊บสัน ที่หนุ่มกว่า สดกว่า และการตัดสินใจของ เซอร์ อเล็กซ์ ครั้งนี้ ถูกวิจารณ์ว่า เหมือนการถอยหลังเข้าคลอง ซึ่งขัดแย้งกับความคิดของ เฟอร์กูสัน ที่กล่าวว่า "ผมว่ามันไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงเลยนะ อาจมีบางคนที่มองแง่ลบ พวกเขาบอกว่านี่คือพัฒนาการที่ถอยหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันจะเป็นการถอยหลังได้ยังไง ? คุณได้นักเตะที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมมานานกว่า 20 ปีแบบไม่ต้องเสียอะไร"

         "เขา จะไม่ได้เล่นทุกนัดอยู่แล้ว แต่ในแง่ของความนิ่ง การผ่านบอล เขาด้อยกว่าใครเหรอ ? ไม่เลย" เฟอร์กี้ กล่าว พลางบอกอีกว่า สำหรับเขาแล้วปัญหาใหญ่คือการปิดข่าวการรีเทิร์นของ สโคลส์ มากกว่า "ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเราทำได้ยังไง เราลงทะเบียนชื่อเขาวันศุกร์ และคิดว่ามันคงมีข่าวออกไปจนได้ แต่เราไม่ได้บอกให้นักเตะคนไหนรู้ด้วยเหตุผลเรื่องคุณค่าผลกระทบด้านจิตใจ เราจะไปเยือน ซิตี้ เพื่อเล่นเกม เอฟเอ คัพ เรามีแฟนบอล 5,000 คนตามมาเชียร์ และทันทีที่พวกเขารู้ว่ามีชื่อของเขาอยู่ในทีมด้วย พวกเขาดีใจมาก มันคือการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม"

           ด้วย วัย 37 ปี เหตุผลที่ สโคลส์ ยังเล่นได้ มาจากการดูแลตัวเองอย่างเป็นมืออาชีพ ไม่ปล่อยให้แสงสีนอกสนามมารบกวน ผิดกับนักเตะรุ่นใหม่ โดย เฟอร์กี้ กล่าวว่า "สิ่งที่คุณต้องทำคือทำให้นักเตะรับรู้ และเข้าใจผลกระทบของความมีชื่อเสียง นาทีนี้คุณเป็นดารา นาทีต่อมาไม่ใช่ การรับมือกับความสำเร็จในทุกวันนี้มันยากกว่ามาก ทั้งจากสื่อ และโทรทัศน์ คุณจึงมีงานหนักในการทำให้พวกเขาไม่หลงตัวเอง"

         "ผมจะ บอกพวกเขาเสมอว่า - กลับไปหาแม่ในฐานะนายคนเดิมแบบตอนที่มา นี่คือสิ่งสำคัญ เพราะชั้นมั่นใจว่าแม่ไม่อยากเห็นนายที่เปลี่ยนไปแน่ๆ - และเราก็ไม่อยากเห็นพวกเขาเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน" เฟอร์กูสัน กล่าว ก่อนจะยกย่องศิษย์เก่าคนเก่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ตอนนี้ผันตัวมาทำงานผู้จัดการทีม และคว้าแชมป์กับ โมลด์ ที่ นอร์เวย์ บ้านเกิดได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ทำงาน 

         "โอเล่ เป็นหนึ่งในมืออาชีพที่จดจำทุกอย่างทั้งตอนซ้อม และตอนลงสนาม เขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่มีอะไรต้องสงสัยเลย โอเล่เป็นคนดี เขาเป็นคนที่คนจะรัก แต่ถ้าคุณไปทำงานกับทีมอย่าง โมลด์ ใน นอร์เวย์ ที่ไม่เคยได้แชมป์เลยในประวัติศาสตร์ และคุณคว้าแชมป์มาครองได้ แสดงว่าคุณต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ"