วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ศึก"ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก" รอบสามโซนเอเชียนัดสุดท้าย ระหว่าง ไทย กับ โอมาน

สนามบัวเซอร์ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน

        ศึก"ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก" รอบสามโซนเอเชียนัดสุดท้าย ที่สนามบัวเซอร์ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ระหว่าง "ขุนพลช้างศึก" ทีมชาติไทย กับ "เจ้าถิ่น" โอมาน ซึ่งจะแข่งเวลาเดียวกันกับคู่ของ ออสเตรเลีย ที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของซาอุดีอาระเบีย โดยสายนี้ออสเตรเลียเข้ารอบไปแล้ว ส่วนทีมอันดับ 2 ยังได้ลุ้นกันถึง 3 ทีม ทั้งซาอุดีอาระเบีย, โอมานและไทย ซึ่งทั้งสามทีมต้องเอาชนะกันให้ได้เพียงสถานเดียวถึงจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย

        โดยเกมนี้ทีมชาติโอมานจะใส่ชุดสีแดงล้วน ซึ่งเป็นชุดเก่งลงสนาม ส่วนทีมชาติไทยจะใส่ชุดสีน้ำเงิน สำหรับสถิติในการเจอกันมาตั้งแต่ปี 1986 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 10 เสมอ 0-0, ปี 1998 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ไทย ชนะ โอมาน 2-0, ปี 2001 เอเชียนคัพรอบคัดเลือก ไทย ชนะ โอมาน 2-0, เอเชียนคัพ 2004 โอมาน ชนะ ไทย 2-0

        ในปี 2005 คิงส์คัพ ไทย ชนะ โอมาน 1-0, เอเชียนคัพ 2007 ไทย ชนะ โอมาน 2-0, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2008 โอมาน ชนะ ไทย 1-0 (เยือน), โอมมาน ชนะ ไทย 2-1 (เหย้า) และนัดล่าสุด ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2011 ไทย ชนะ โอมาน 3-0 (เหย้า) สรุปสถิติเจอกันมารวมทุกรายการ 9 นัด ไทยชนะ 5 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง ยิงได้ 10 ลูกเสีย 5 ลูก

         สำหรับ 11 ผู้เล่นของทีมชาติไทยที่ถูกส่งลงสนามในระบบ 4-2-3-1 ประกอบไปด้วย กวิน ธรรมสัจจานันท์ เฝ้าเสา แบ็กซ้าย อนุชา กิจพงษ์ศรี ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ จะเป็นการประสานงานกันระหว่างสองจอมเก๋า นิเวส ศิริวงศ์ กับ เจษฎา จิตสวัสดิ์ ฟากแบ็กขวา สุรีย์ สุขะ ได้ลงล็อกในตำแหน่งที่ตัวเองถนัด

         ตำแหน่งกองกลางตัวตัดเกมจับเอา จักรพันธ์ แก้วพรม ยืนคู่กับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว แล้วโยกเอา สุธี สุขสมกิจ ทำเกมริมเส้นด้านซ้าย ทางกราบขวาใช้ สุเชาว์ นุชนุ่ม ซึ่งมีความเร็วเป็นตัวทะลุทะลวง และวาง จีรวัฒน์ มัครมย์ เป็นหน้าต่ำ แล้วให้ ธีรศิลป์ แดงดา เป็นกองหน้าตัวเป้า

        ด้าน ปอล เลอ กูแอ็น กุนซือทีมชาติโอมาน นั้นจะเปิดเกมรุกอย่างเต็มตัวแน่นอน โดยมี มูบารัค กับ อัลอาสมี่ เป็นสองประสานในเกมรับ ด้านแดนกลางมีตัวอันตรายอยู่ที่เกมริมเส้นทั้งซ้าย-ขวา คือ ฟาร์ไซ กับ ราจาบ เป็นตัวขับเคลื่อนเกม ขณะที่คู่กองหน้าส่ง ออสนี่ กับ อซิก เป็นตัวทะลวงเป้า

เริ่มเกมมาช่วง 5 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังดูเชิงกันอยุ่ เกมส่วนใหญ่อยู่ที่กลางสนาม

       [ทำประตู] ไทยมาพลาดเสียประตูจนได้จากจังหวะโยนยาวจากแดนกลางมาที่ริมเส้นทางขวาก่อนที่ กองกลางของโอมานจะจ่ายให้ ฮุสเซน อัล ฮาดรี้ วิ่งเข้ามาปั่นด้วยขวาบอลพุ่งไซด์หนีมือ กวิน ธรรมสัจจานันท์ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม โอมาน นำแล้ว 1-0 ในนาทีที่ 8

อีก 3 นาทีต่อมา ไทยเปิดเกมแลก และมีโอกาสลุ้นทำประตูเมื่อ สุธี สุขสมกิจ ได้บอลจากด้านข้างก่อนสบจังหวะซัดด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลเหินข้ามคานไปไกล

เข้าสู่นาทีที่ 15 ไทยมาเสียกระบวนเมื่อโดนนำเร็ว ทำให้ต้องมาเน้นเกมรุก แผงหลังจึงมีช่องโหว่และเกือบมาโดนนำห่างหลัง กวิน ธรรมสัจจานันท์ ชกบอลจากเปิดมาของโอมานบอลยังไม่พ้นอันตราย บอลมาเข้าทาง อาเหม็ด อัล ฮอสนี่ กองหน้าตัวเก่งโหม่งเต็มแรงแต่ กวิน ยังเซฟไว้ได้หวุดหวิด

โอมานกลับไปแพ็กเกมรับแน่น เน้นคุมโซนปล่อยให้ ไทย เป็นฝ่ายครองเกม แต่ไม่มีจังหวะหลุดถึงกรอบเขตโทษ

[ใบเหลือง] นาทีที่ 28 อับดุล อาลี มูไคนี่ มาโดนใบเหลืองใบแรกเมื่อไปทำฟาลว์ผู้เล่นของไทย ไทยได้ฟรีคิกกลางกรอบเตโทษ แต่ จีรวัฒน์ มัครมย์ ซัดข้ามคานไปไม่ได้ลุ้น

นาทีที่ 35 อิสมาอิล อัล อัจมี่ ดาวยิงโอมานได้โอกาสหลุดไปยิงตัวต่อตัวกับ กวิน ธรรมสัจจานันท์ แต่ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

[เปลี่ยนตัว] ไทยเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกอย่างรวดเร็ว เมื่อ สุเชาว์ นุชนุ่ม มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง สุมัญญา ปุริสาย ลงไปแทน ในนาทีที่ 37

โมนเกือบได้ลุกสองเมื่อ ฮัสซัน ราเบีย กองกลางลากบอลเลี้ยงไปเองก่อนสับไกลจากระยะร่วม 25 หลาบอลพุ่งเรียดถากเสาแรกออกไปอย่างเสียวไส้ของกองเชียร์ไทย

ช่วงท้ายเกม โอมาน กลับมาบุกได้ต่อเนื่องอีกครั้งและ อาเหม็ด อัล ฮอสนี่ หัวหอกโอมานได้โอกาสยิงเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งผ่านมือของ กวิน ธรรมสัจจานันท์ แต่บอลเจ้ากรรมพุ่งชนคานดังสนั่น ไทยรอดเสียประตูที่สองไปหวุดหวิด

ก่อนจบครึ่งเวลาแรกด้วยสกอร์นี้ โอมาน นำ ไทย 1-0

เข้าสุ่ครึ่งหลังไม่กี่นาทีโอมานได้จังหวะทักทายก่อนเมื่อ อิสมาอิล อัล อัจมี่ ได้โหม่ง แต่บอลเบาหลุดออกหลังไป

[ใบเหลือง] ไทยมาโดนใบเหลืองบ้างเมื่อ เจษฎา จิตสวัสดิ์ แนวรับตัวเก๋าไปเสียบ ฮัสซัน ราเบีย อย่างน่าเกลียด ในนาทีที่ 53

ผ่านมา 1 ชั่วโมงเต็มเกมของ "ขุนพลช้างศึก" ยังไม่ดีขึ้น รูปเกมสู้เจ้าถิ่นไม่ได้เลย โอมานทำเกมได้น้ำได้เนื้อกว่าและได้โอกาสทำประตูจาก อับดุล อาลี มูไคนี่ แต่ยังไม่ตรงกรอบ

[เปลี่ยนตัว] วินฟรีด เชเฟอร์ เฮดโค้ชชาวเยอรมัน ปรับแท็คติกเดินเกมรุกเต็มตัวโดยถอด จักรพันธ์ แก้วพรม ออกและส่ง ธีรเทพ วิโนทัย มาเสริมในแดนหน้าช่วย ธีรศิลป์ แดงดา ในนาทีที่ 65

3 นาทีถัดมาไทยได้เดินเกมรุกโดย สุรีย์ สุขะ ได้บอลยาวจากแดนหลังก่อนเปิดหักเข้ามาหน้าเขตโทษ แต่บอลออกหลังไปก่อนแล้ว

"ช้างศึก" ชวดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดายเมื่อ ธีรเทพ วิโนทัย ตัวสำรอง ได้บอลหลุดมาทางกราบขวาโล่งๆ ก่อนลากเข้ามาในเขตโทษ แตะหลบกองหลังโอมาน ก่อนยิงหักข้อกะเสียบเสาแรกแต่บอลกลับพุ่งไปชนโคนเสาเต็มๆ ในนาทีที่ 72

[เปลี่ยนตัว] ไทยเปลี่ยนคนสุดท้ายส่ง ชาตรี ฉิมทะเล มาแทน สุธี สุขสมกิจ ในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้า

ในนาทีที่ 79 โอมานเกือบได้ประตูตอกฝาโลงเมื่อจังหวะทำชิ่งหน้าเขตโทษของไทยก่อน อาเหม็ด อัล ฮอสนี่ ได้หลุดมายิงโล่งๆ แต่กลับยิงเหินข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายโอมานเน้นรัดกุมมากขึ้น ครองเกมไม่ให้เสียบอลเพราะหากเก็บชัยชนะก็จะเข้ารอบทันที เพราะอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน ออสเตรเลีย นำ ซาอุฯ ห่าง 4-2

[ใบแดง] ธีรเทพ วิโนทัย กองหน้าตัวสำรองมาโดนใบแดง หลังเข้าบอลช้าและขาไปพาดเอาตรงบริเวณลำคอของกองหลังโอมาน ผู้ตัดสินไม่ลังเลชูใบแดงทันที ในนาทีที่ 85 ทำให้สถานการณ์ของไทยลำบากขึ้นไปอีก

[ทำประตู] โอมาน มาได้ประตูปิดกล่องจนได้ในนาทีสุดท้าย เมื่อ อับดุล อาซิด มูบารัค กองหน้าของโอมาน ได้บอลจากกลางสนามก่อนลากเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษเบียดเอาชนะ นิเวส ศิริวงศ์ และยิงทันทีบอลพุ่งเรียดเสียบเสาแรกหมดจด โอมานนำห่าง 2-0

เวลาที่เหลือโอมานคุมเกมไว้ได้หมดก่อนหมดเวลา โอมานเป็นฝ่ายได้เฮ! หลังเปิดรังเอาชนะ ทีมชาติไทย ไป 2-0 และเป็นฝ่ายเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายต่อไปตามหลัง ออสเตรเลีย ที่ชนะ ซาอุดีอาระเบีย 4-2 ส่วน ไทย กับ ซาอุดีอาระเบีย ต้องร่วงตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม
       โอมาน (4-4-2) : อาลี อัล ฮับซี - อาลี อัล จาบรี้, โมฮาเหม็ด อัล บาลูชี่, ฮุสเซน อัล ฮาดรี้, ฟูซี่ บาเชียร์ - ซาอัด อัล มูไคนี่, อับดุล อาลี มูไคนี่, อับดุล อัล มากบาลี่, ฮัสซัน ราเบีย - อาเหม็ด อัล ฮอสนี่, อิสมาอิล อัล อัจมี่
เทรนเนอร์ : ปอล เลอ กูแอ็น
       ไทย (4-2-3-1) : กวิน ธรรมสัจจานันท์ - สุรีย์ สุขะ, นิเวส ศิริวงศ์, เจษฎา จิตสวัสดิ์, อนุชา กิจพงษ์ศรี - จักรพันธ์ แก้วพรม, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว - สุเชาว์ นุชนุ่ม, จีรวัฒน์ มัครมย์, สุธี สุขสมกิจ - ธีรศิลป์ แดงดา
เทรนเนอร์ : วินฟรีด เชเฟอร์

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปอร์โต้โร่ฟ้องยูฟ่าเหตุแฟนเรือเหยียดผิวฮัลค์


        รุย เซอร์เกร่า บอสบริหารเอฟซี ปอร์โต้ เอาคืนทันควัน โร่ฟ้องยูฟ่าให้เอาเรื่องแมนเชสเตอร์ซิตี้ด้วย โดยหาว่า ฮัลค์ หัวหอกชาวบราซิเลียนถูกสาวก"เรือใบสีฟ้า"ทำกิริยาไม่เหมาะสมใส่ระหว่างเกมยูโรปาลีก เมื่อวันพุธ บอกรู้สึกไม่ดีเลยที่ยังเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในวงการลูกหนังวันแล้ววันเล่า

        รุย เซอร์เกร่า ผู้อำนวยการสโมสรเอฟซี ปอร์โต้ ทีมดังจากลีกโปรตุเกส ยืนยันว่าทีมเตรียมจะยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการให้กับสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) จากกรณีแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ซิตี้ จ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงกิริยาไม่เหมาะสมใส่ ฮัลค์ กองหน้าชาวบราซิลของพวกเขา ระหว่างเกมที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" เปิดบ้านต้อนเอาชนะไปได้ 4-0 ในศึกยูโรป้าลีกรอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

         เซอร์เกร่า กล่าวหลังต้นสังกัดไม่อาจทะลุเข้าไปป้องกันแชมป์ในรายการนี้ได้เป็นผลสำเร็จ ว่า "กิริยาอาการเช่นนี้อาจจะเป็นเรื่องปกติในอังกฤษ แต่เราต้องการกำจัดให้มันหมดสิ้นไปจากวงการฟุตบอล"

         ทั้งนี้ การร้องเรียนของปอร์โต้เกิดขึ้นเพียงแค่ 1 สัปดาห์หลังจากที่แมนฯซิตี้เพิ่งจะร้องต่อ ยูฟ่าไปว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ และ ยาย่า ตูเร่ 2 สตาร์ดังของทีม โดนกองเชียร์ทีมดังแดนฝอยทองเหยียดผิวในระหว่างเกมนัดแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งองค์กรลูกหนังยุโรปยืนยันได้รับเรื่องแล้วเมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกำลังดำเนินการสืบสวนอยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้บทสรุปในวันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์นี้

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ป๋าดันตัวจริง! เซอร์หวังปั้นเด็กป้อนผีเช่นในอดีต

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล็งปั้นดาวรุ่งในท้องถิ่นป้อนทีมให้ได้เหมือนในยุคที่มี เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และพี่น้อง เนวิลล์ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่พร้อมๆ กัน ขณะเดียวกัน นายใหญ่วัย 70 ปี ยืนยันว่า ตนยังไม่มีแผนที่จะวางมือจากการกุมบังเหียน "ปีศาจแดง" ในขณะนี้

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก หวังที่จะกลับมาปั้นผู้เล่นดาวรุ่งท้องถิ่นให้ได้เหมือนในช่วงทศวรรษ 1990 ที่มี เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ รวมทั้งพี่น้อง เนวิลล์ ที่สามารถก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้พร้อมๆ กัน หลังจากกฎข้อบังคับฉบับใหม่ส่งผลให้ "ปีศาจแดง" สามารถหันไปคว้าตัวแข้งดาวรุ่งต่างชาติมาเสริมทัพมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา

         กุนซือวัย 70 ปี เผยกับเว็บไซต์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ว่า "มันต้องทำอะไรสักอย่างกับการเปลี่ยนแปลงของกฎที่เกิดขึ้น ไม่กี่ปีก่อน มันมีข้อบังคับที่ว่าคุณจะทำได้เพียงเซ็นสัญญากับผู้เล่นดาวรุ่งซึ่งมาอยู่ กับสโมสรได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่มันไม่เหมือนแต่ก่อนและมันทำให้เราสามารถเซ็นสัญญาผู้เล่นดาวรุ่งที่มี ฝีเท้ายอดเยี่ยมได้ แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ในแง่ของการพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่งภายในสโมสร มันเป็นเวลาที่นานมากแล้วนับตั้งแต่เราปั้นนักเตะอย่างในรุ่งของ เดวิด เบ็คแฮม แต่กฎข้อบังคับก็ได้เปลี่ยนกลับมาคืนและมันเหมือนกับการย้อนเวลากลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้วอีกครั้ง ดังนั้นผมจึงหวังว่าเราจะสามารถปั้นนักเตะขึ้นมาได้เหมือนอย่างที่เคยทำ สำเร็จในอดีต"

         ขณะเดียวกันบิ๊กบอส "เร้ด เดวิลส์" ย้ำชัด ตนยังไม่มีแผนที่จะวางมือจากการคุมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากเจ้าตัวอยู่กุมบังเหียนที่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาครบ 25 ปี แล้ว โดยกล่าวต่อว่า "ปรัชญาของผมเป็นแบบนี้ ตราบใดที่ผมยังมีความสุขกับงานของผมและสุขภาพยังดี ผมก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถตั้งข้อจำกัดของตัวเองได้ แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะวางแผนได้ไกลเกินไปเช่นกันเพราะคุณไม่รู้ว่าอะไรจะ เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ชัดเจนว่า เวลา(สำหรับการวางมือของผม)จะต้องมาถึงแน่ แต่ ณ ตอนนี้ มันยังไม่ใช่เรื่องที่ผมคิด" 

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แชมเบอร์เลนสุดปลื้มยิงเบิ้ลพาปืนไล่ถล่มกุหลาบ


        อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กองกลางดาวรุ่ง อาร์เซน่อล สุดปลื้มหลังซัดคนเดียว 2 ประตู พาต้นสังกัดไล่ถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 7-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เผยให้ความสำคัญกับผลการแข่งขันของทีมมากกว่าผลงานส่วนตัว พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้นต่อไป

        อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ปีกดาวรุ่ง อาร์เซน่อล เผยว่า รู้สึกยินดีที่สามารถยิงได้ถึง 2 ประตู ในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ต้นสังกัดเปิดถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไล่ถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 7-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งยืนยันว่าจะตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาฝีเท้าของตัวเองต่อไปโดยไม่เหลิงไป กับผลงานอันยอดเยี่ยมของตัวเอง

         ดาวเตะวัย 18 ปี เผยกับ "สกาย สปอร์ตส์" สถานีโทรทัศน์กีฬาของอังกฤษ ว่า "มันเป็นวันแห่งความสุขสำหรับทุกคน เรารู้ว่าเราจะต้องพลิกสถานการณ์กลับมาจากผลเสมอกับ โบลตัน 0-0 ซึ่งเราสร้างโอกาสได้หลายครั้งแต่ไม่สามารถจบสกอร์ได้ เรารู้ว่าหากวันนี้เราสร้างโอกาสได้เราก็จะยิงประตูได้ในท้ายที่สุด เมื่อดูจากสกอร์ที่ออกมา ผมคิดว่าเราทำได้ดี"

         "เรามอง หาสิ่งนี้มาตลอดฤดูกาล ผมคิดว่าเรากลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้ง เราจะต้องใช้สิ่งนี้เป็นปัจจัยในการผลักดันให้เราเดินหน้าต่อไป มันเป็นเรื่องดีเสมอเมื่อได้มีชื่อเป็นผู้ทำประตู แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องของทีม ไม่ใช่เรื่องการทำประตู แต่ก็ดีที่ยิงประตูได้และมีโอกาสได้ลงเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก ผมมีความสุขมากๆ กับสิ่งนั้น" อดีตแข้ง เซาธ์แฮมป์ตัน กล่าวในที่สุด

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เฟอร์กูสัน มั่นใจอีก 2-3 ปี จะได้เห็นฟอร์มเทพ เดเคอาชัวร์

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยัน ไม่หนักใจกับการที่ ดาบิด เด เคอา มือกาวดาวรุ่ง โดนวิจารณ์ฟอร์มการเล่น ชี้เป็นเรื่องปกติของนักเตะ "ปีศาจแดง" โดยเฉพาะการต้องมารับช่วงตำนานรุ่นพี่อย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ไปจนถึง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ชี้ เด เคอา ยังอายุน้อย และมั่นใจสุดๆ ว่าในอีก 2-3 ปี เด เคอา จะพัฒนาตัวเอง และเล่นได้เต็มศักยภาพ

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือชาวสกอตต์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาสนับสนุน ให้กำลังใจ ดาบิด เด เคอา นายทวารดาวรุ่งชาวสเปน ยังไงก็จะเป็นอนาคตของทีม "ปีศาจแดง" อย่างไม่ต้องสงสัย หลังโดนวิจารณ์เสียหาย จากฟอร์มการเล่นที่เฟอะฟะ และเอาแน่เอานอนไม่ได้ ชี้หลายๆ คนเหมือนจะลืมไปว่า สำหรับผู้รักษาประตูแล้ว กว่าจะปรับตัว และพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้บางทีอาจต้องใช้เวลากว่า 2-3 ปี
 
        เฟอร์ กูสัน หันมาปักหลักเลือกใช้บริการของ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด นายทวารทีมชาติเดนมาร์ก ในหลายนัดที่ผ่านมา ก่อนจะได้ฤกษ์ส่ง เด เคอา กลับมาเฝ้าเสาในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 กับ ลิเวอร์พูล ซึ่ง เด เคอา ก็ไม่วายสร้างความหวาดเสียวจากการตัดสินใจเล่นจังหวะต่างๆ และโดนวิจารณ์ตามฟอร์มเมื่อทีมแพ้ไป 1-2 จากนั้นก็มีข่าวว่าเขาไม่สบาย และ เฟอร์กูสัน ส่ง เบน อามอส เล่นแทนในเกมชนะ สโต๊ค นิ่มๆ 2-0
 
        คาด ว่าเกมกับ เชลซี วันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ. นี้ เด เคอา จะกลับมาเป็นตัวจริงได้ เนื่องจาก ลินเดการ์ด เจ็บจากการซ้อม ต้องพักนานหลายสัปดาห์ และ เฟอร์กี้ ก็หนุนหลัง จอมหนึบค่าตัวแพงว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้แน่ๆ "เขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ เขาทำผิดพลาดไป 2-3 ครั้ง แต่ในอีก 2-3 ปีนี้มันจะเป็นเรื่องที่เราจะได้ไม่หยิบมาถกเถียงกันเพราะเขาจะเติบโตขึ้น ตอนนั้นแหละที่เราจะได้เห็นศักยภาพแท้จริงของเขา"
 
        กุนซือ ชาวสกอตต์ ปกป้อง เด เคอา อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหลังจบเกมกับ ลิเสอร์พูล ที่ตำหนิกองหลังว่าไม่ได้ช่วยให้งานของ เด เคอา ง่ายขึ้นในจังวะโดน ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ โขกประตู 1-0 ที่ เด เคอา หมดปัญญาออกมาตัดบอล เนื่องจากโดนกลุ่มนักเตะของทั้งสองทีม ขวางทางหมด อย่างไรก็ตาม เฟอร์กี้ ก็ยอมรับว่า เด เคอา ต้องพัฒนาในส่วนของร่างกายให้บึกบึนกว่านี้ แต่ก็เชื่อว่า เหตุที่ เด เคอา โดนวิจารณ์เยอะเหลือเกิน มาจากการเล่นให้ทีมใหญ่ และการถูกวางเป็นทายาทของตำนานทั้ง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ย้อนไปจนถึง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
 
        "เวลาเล่นกับ ยูไนเต็ด และทำผิดพลาด คุณมักจะโดนจับตามอง และก็ถูกทำให้เกินเลยไปเสมอๆ มันเป็นความผิดพลาด และเขาอยากจะจัดการมันด้วยตัวเอง เขาจะทำได้ขณะเขากำลังเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ และเริ่มมีความเข้าใจในเกมฟุตบอลอังกฤษ มันยากมากๆ ที่คุณต้องมารับช่วงจาก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ และ ปีตเอร์ ชไมเคิ่ล พวกเขาเป็นผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนังยุโรปตลอด 40 ปีที่ผ่านมา"
 
        "มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ผมได้พบว่าการจะพาคนมาเล่นแทนพวกเขามันยากมากจริงๆ ซึ่งนั่นแหละเราถึงเลือกนักเตะอายุน้อยๆ เพราะพวกเขาสามารถพัฒนาขึ้นไปและพร้อมที่จะเล่นตำแหน่งนี้ เพราะว่าศักยภาพมันมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว" เฟอร์กี้ กล่าว